14.3.2011



เช้าวันจันทร์ "กริ๊ง! กริ๊ง!" เสียงโทรศัพท์ในห้องพักดังขึ้น จึงคว้าหมับพอรับมาปุ๊ป เสียงจากพนักงานโรงแรมก็ระรัวแจ้งว่า "ขออภัยครับ เราเพิ่งได้รับการแจ้งจากทางรถบัสลิมูซีนว่ารถบัสที่จะไปนะริตะที่จองไว้วันนี้ จะไม่มาจอดรับที่โรงแรมครับ" จากที่งัวๆเงียๆอยู่ ก็ตื่น ตาแป๋วขึ้นในทันที ฮะฮ้า!" เซอร์ไพรสดั่งถูกสลากกินแบ่งแบบไม่รู้ตัว

จากนั้นก็จึงรัวกลับไปบ้างว่า อะไรนะคะ ไม่มาจอดที่โรงแรม รถบัสลิมูซีนไม่วิ่งทั้งหมดเลยหรือ (ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้) narita express ล่ะคะ (อันนี้ยิ่งอาจยากเพราะรถไฟยังวิ่งไม่เต็มที่อยู่ เที่ยวรถน้อยกว่าเดิมมาก) พนักงานโรงแรมก็ไม่แน่ใจ ไม่กล้ายืนยันในทุกคำถาม แล้วข้าพเจ้าจะไปสนามบินอย่างไรกันนี่ จากที่เว้ากันเป็นภาษาอังกฤษในตอนต้น ก็เริ่มซักรัวเป็นภาษาญี่ปุ่นให้แน่ใจ สรุปรวมความ คือ เจ้าหน้าที่โรงแรมท่านบอกแต่ว่าไม่มาจอดแน่ รายละเอียดนั้นไม่สามารถให้ได้มากว่านี้ เอาเป็นว่า เชิญข้าพเจ้าเดินไปสอบถามที่ป้ายรถบัสตรงสถานีชินจุกุดูนะครับ อาจได้ความ โอ้! น่ารักจริงๆเลย

โอเค ยังเช้าอยู่มากพอมีเวลา รีบแต่งตัวเดินจ้ำไปถามเองก็ได้ค่ะ พอจ้ำไปถึงป้ายรถก็รี่ไปถามเจ้าหน้าที่ของรถบัสลิมูซีนที่อยู่ตรงนั้น ว่าข้าพเจ้าจองเที่ยวรถตอนเที่ยงและซื้อตั๋วไว้แล้ว แต่เมื่อกี้พนักงานโรงแรมแจ้งว่า รถบัสจะไม่วนไปรับที่โรงแรมน่ะค่ะ เจ้าหน้าที่ของรถบัสลิมูซีนก็ทำหน้าเรียบเฉยพลางตอบว่า วิ่งนี่ วันนี้วนไปรับที่โรงแรมตามปกติทุกที่แหละ อ้าว! ตกลงอย่างไรกันนี่ แต่ก็เห็นรถบัสจอดรับผู้โดยสารตามปกติอยู่ตรงนั้นด้วย งง จึงย้ำกับเจ้าหน้าที่อีกที คุณพี่เลยบอกว่าพนักงานโรงแรมผิดพลาดเอง วิ่งตามปกติครับ บรรยากาศรอบๆก็ดูเป็นปกติทุกอย่าง คิวรถก็ดูออกวิ่งตามปกติ ไงกันนี่ "แน่นะคะ วิ่งแน่นะคะ" เลยถามย้ำอีกที ก็ได้รับคำตอบว่า วิ่ง!

เลยเดินกลับไปที่โรงแรม แวะแจ้งพนักงานโรงแรมว่าไปยืนยันกับเจ้าหน้าที่บัสลิมูซีนที่สถานีมาแล้วนะ เขาบอกว่าวิ่งน่ะ ทว่าพนักงานโรงแรมงง พร้อมยืนยันกลับอย่างหนักแน่นว่าได้รับแจ้งจากศูนย์ว่าไม่วิ่ง อ้าว? ก็เมื่อกี้ทางโน้นบอกว่าวิ่งจริงๆนะ อย่างไรกันแน่ ช่วยเช็คให้อีกรอบได้ไหมคะ คุณพนักงานจึงมารุมกันถึง 3 คนโทร.เช็คให้ ก็ยังยืนยันว่าไม่วิ่งครับ/ค่ะ แล้วจะเชื่อข้อมูลไหนดีล่ะนี่ เจ้าหน้าที่โรงแรมก็แจ้งว่า "คือวินาทีนี้ อะไรๆก็เปลี่ยนแปลงได้เสมอน่ะค่ะ/ครับ อีกนาทีหน้าก็อาจจะเปลี่ยนอีกก็ได้ สถานการณ์ไม่แน่นอนน่ะครับ" โอ้ะโอ๋ โอเคค่ะ

กระนั้นเลยกองทัพเดินด้วยท้องจึงแว่บไปทานอาหารเช้าอร่อยๆของโรงแรมก่อน ครั้นพอขึ้นไปเตรียมสัมภาระเพื่อลงมาเช็คเอาท์ ก็มีอาฟเตอร์ช็อคประมาณ 3 ริกเตอร์สั่นไหวโยกไปมาแถมให้หนึ่งชุดใหญ่ หลังจากลงมาเช็คเอาท์เสร็จเรียบร้อย เพื่อนร่วมทางก็ล่วงหน้าเดินไปแวะซื้อสตรอเบอรี่ให้ที่บ้าน ไม่กี่นานก็กลับมามือเปล่า ข่าวดีจ๊ะ ห้างปิด! จึงได้แต่ยิ้มใส่กัน

งั้นลากกระเป๋าไปป้ายรถบัสลิมูซีนกัน เขยิบออกมาที่หน้าโรงแรม ดูท่าเพื่อนร่วมทางจะลากสัมภาระไปลำบากเพราะมีน้องน้อยหลายใบ พอดีมีแท๊กซี่จอดสแตนด์บายที่หน้าโรงแรมอยู่คันนึงพอดี จึงปราดเข้าไปถามคุณลุงคนขับว่า "ขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่ารบกวนไปส่งที่ป้ายรถบัสลิมูซีนตรงสถานีได้ไหมคะ" เนื่องจากจากโรงแรมถึงป้ายรถบัสนั้นไม่ไกลนัก หากเดินตัวเปล่าก็สบายๆ แต่กับกระเป๋าเดินทางน้อยใหญ่หลายใบ ข้ามถนนใหญ่ด้วยนี่ก็ลำบนอยู่ คุณลุงก็พยักหน้าและตอบรับว่า"ได้ซิ" พร้อมกับรีบลงรถมาช่วยขนกระเป๋าอย่างกุลีกุจอในทันที อึดใจเดียวก็ถึง พอใกล้ถึงก็เห็นคิวรถแท็กซี่ยาวเป็นหางว่าว เพราะพอเมื่อคืนมีประกาศว่าจะดับไฟในโตเกียวเป็นวันแรก ก็มีประกาศหยุดเดินรถของสายไฟหลายสายตามมา บ้างก็งดเดินรถในบางช่วงสถานี บางสายก็งดเลย ซึ่งเจ้าประกาศดับไฟนี่แหละที่ทำความสับสนในเช้าวันนั้นแก่หลายๆฝ่าย เขยิบมาอีกนิด ก็โอ้ลันล้า! โอ้แม่เจ้า! โอ้อะไรดี! ผู้คนหลั่งไหลมาจากไหนต่อคิวที่จะขึ้นรถบัสลิมูซีนยาวทบไปทบมาซ้อนกันไม่รู้กี่รอบ พอคุณลุงเทียบจอดที่ป้ายรถบัส เจ้าหน้าที่รถบัสลิมูบัสก็ปราดมาที่ประตูรถโดยที่ยังไม่ทันจะลง พร้อมกับส่งเสียงบอกว่าจะขึ้นรถบัสหรือ ไม่ได้แล้ว ไม่รับแล้ว ขึ้นไม่ได้ครับ!

โอ้! อ้า! อ้าว! จึงโต้กลับไปว่า "ซื้อตั๋วไว้แล้วน่ะค่ะ" เจ้าหน้าที่จึงชะงักไปจิ๊ดนึง แต่สวนมาทันควันด้วยว่า "ซื้อจากเคาน์เตอร์ตรงนี้หรือเปล่า" หมูใคร่รู้จึงยื่นตั๋วให้ดูพร้อมแจ้งว่าซื้อที่โรงแรมนี้ เจ้าหน้าที่จึงเหลือบดูนิดนึงแล้วบอกว่า "งั้น ขนของลงไปรอตรงโน้นแล้วกัน" แล้วชิ่งไปเลย เราจึงรีบเอากระเป๋าลงแล้วพุ่งไปหาเจ้าหน้าที่ที่อยู่มากมายตรงนั้น แต่ทุกคนกลับส่ายหน้า บอกเหมือนกันว่า ไม่ได้แล้ว ไม่รับแล้ว ขึ้นไม่ได้ครับ ไม่สามารถรับผู้โดยสารได้อีกแล้ว สถานการณ์ตรงนั้นตึงเครียดสุดๆ หน้าตาแต่ละคนคิ้วขมวดสิบแปดปมกันเชียว

วินาทีนั้นดูท่าจะไม่ดี จึงรีบหันกลับไปที่รถแท็กซี่ของคุณลุงใจดี จ้ำกลับไปเปิดประตูถามว่า "คุณลุงคะ ไปนะริตะได้ไหมคะ" ฮะฮ้า! อาจหาญมากเรา ที่จริงหากจะรอจริงๆก็คงขึ้นรถบัสไปนะริตะได้ ทว่าถ้ารอจะได้ขึ้นรถกี่โมงก็ไม่ทราบได้ จึงอาจฉิวเฉียดมาก คงต้องวิ่งหืดจับเพราะปริมาณคนที่อยู่ในคิวก่อนหน้านั้น ประเมิณไม่ได้เลยว่าเท่าไร หางแถวอยู่ตรงไหนยังไม่ทราบเลย แล้วบรรยากาศตรงนั้น ตอนนั้นก็มาคุสุดๆ ด้วยนาทีนั้นกำลังเกิดทสึนะมิอีกรอบใหญ่ อาฟเตอร์ช็อคแบบแรงอีกต่างหาก ไปแท็กซี่แล้วกัน คุณลุงคนนี้ก็ใจดีด้วย จึงหันไปหาเพื่อนร่วมทางว่าไปแท็กซี่ไหม ซึ่งเพื่อนร่วมทางก็หัวเราะร่วนพลางพยักหน้างึกๆว่า "ไปๆ" ขำกันใหญ่ทั้งสองคน ^_^ เลยหันไปบอกคุณลุงว่ารบกวนด้วยค่ะ คุณลุงก็กุลีกุจอมาแบกกระเป๋าใส่รถอีกรอบให้อย่างดี จัดเป็นระเบียบเพื่อให้กระเป๋าทุกใบลงอยู่ท้ายรถ ทว่าหมูใคร่รู้ขอขยักไว้หนึ่งใบ เนื่องจากในนั้นมีเสบียงขนมปังและน้ำดื่มอยู่จะได้ทานระหว่างทาง (สังเกตว่าห่วงเรื่องปากท้องเป็นหนึ่งเสมอ ยายคนนี้) ข้างฝ่ายคุณลุงก็ยื่นมือมารับกระเป๋าใบนั้นว่าใส่ท้ายรถลงนะ จะได้นั่งสบายๆ มีพื้นที่โล่งๆไม่เกะกะกระเป๋าไง หมูใคร่รู้ก็ได้แต่บอกว่าไม่เป็นไรค่ะๆ

พอขึ้นรถอีกครั้ง ทันทีรถออกตัวคุณลุงก็รีบถามว่าไฟลต์กี่โมงครับ จึงตอบกลับไปว่ายังมีเวลาค่ะและแจ้งเวลาเที่ยวบินไปให้ทราบ ครั้นพอทราบว่ายังมีเวลาพอ ไม่ถึงขนาดต้องรีบมาก คุณลุงก็โล่งอก บอกโอเค มีเวลาๆ แล้วยังสอบถามด้วยว่า ทำไมขึ้นรถบัสไม่ได้ล่ะครับ จึงเล่าสถานการณ์ให้คุณลุงฟัง พอฟังดังนั้นคุณลุงก็เอ่ยขึ้นว่า "งั้นคงต้องมีคนต้องการแท็กซี่อยู่อีกไม่น้อยน่ะซิ ขออนุญาตนำข้อมูลนี้แจ้งต่อศูนย์ของบริษัทได้ไหมครับ?" คุณลุงเป็นมืออาชีพแท้ๆเลยนี่ "ได้ซิค่ะ ได้เลย"

ในเวลาเดียวกันนั้นก็ได้ยินเสียงเตือนให้รีบอพยพขึ้นที่สูงจากวิทยุที่คุณลุงเปิดฟังข่าวอยู่ เนื่องจากขณะนั้นกำลังเกิดอาฟเตอร์ช็อคชนิดแรงและเฮลิคอปเตอร์ตรงฟุคุชิมะได้สังเกตพบคลื่นทสึนะมิกำลังเคลื่อนตัวเข้าฝั่งอยู่ "กรุณาหลบภัยในที่สูงด่วน" ย้ำซ้ำไปซ้ำมา ให้สูงกว่าตึก 3 ชั้นและระวังอาคารที่อาจไม่มั่นคงด้วยโครงสร้างที่ถูกสั่นคลอนอย่างแรงจากวันก่อน อาจไม่ปลอดภัยในวันนี้ด้วย ช่วงเดียวกันนั้นก็มีรายงานข่าวกลุ่มควันพวยพุ่งของมาจากเตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 ของโรงไฟฟ้าอีกด้วย เฮ้อ! ที่โตเกียวนั้นไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว แต่ตรงแถบโทโฮะชุนี่ซิ

ในอีกด้านหนึ่งพอจวนถึงสนามบินนะริตะ ก็ได้ยินรายงานข่าวว่าไม่มีปฏิบัติการดับไฟฟ้าในช่วงที่ 1 ตามที่ประกาศไว้ และแม้จะเข้าช่วงที่ 2 ที่จะมีการดับไฟในโซนถัดมา ก็ยังไม่มีการดับไฟใดๆเกิดขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากความร่วมมือร่วมใจจากทั้งบริษัทห้างร้านและทุกๆคน ช่วยกันประหยัดไฟ ทำให้ไม่ต้องดับไฟนั่นเอง

ครั้นถึงสนามบินก็พบว่ามีคนนั่งแท็กซี่มามากมายกันเชียว ทำให้คิวจอดเทียบเพื่อลงนั้นติดยาวเหยียดตั้งแต่ไกลทีเดียว ทั้งต่างชาติและชาวญี่ปุ่นหน้าตาเครียดกันเล็กๆทั้งนั้น ข้างคุณลุงก็พยามยามจอดเทียบให้ได้ลงตรงที่ดีที่สุดสะดวกที่สุด ตอนลงเลยขอใบเสร็จพลางบอกคุณลุงว่า "อยากเก็บไว้เป็นที่ระลึกนะค่ะ ^_^"

และทั้งหมดนี้ก็คือเหตุของเซอร์ไพรสและตาโตเป็นแคนดี้ แคนดี้ด้วยประการเช่นนี้แล

Comments

  1. 555 เข้าใจแล้วค่ะ

    แต่แบบนี้ค่า taxi ไม่กระเป๋าฉีกเลยเหรอคะ

    ReplyDelete
  2. มีต่ออีกป่าว ป้าหมู รอ version check in

    ReplyDelete
  3. ยังดีนะคะที่อย่างน้อยก็มีคุณลุงแท็กซี่ให้บริการ ^^

    ReplyDelete
  4. ในเรื่องชวนหงุดหงิด ยังมีเรื่องให้ชื่นใจนะครับ :)

    ReplyDelete
  5. คุณปุ๊ก : กระเป๋าไม่ฉีกแต่ราคาขำมากค่ะ ^^
    medivac : จะให้เล่าต่ออีกหรือ ไว้เจอกันจะเล่าให้ละเอียดยิบเลยแล้วกันนะ
    คุณตี้ : ใช่แล้วค่ะ โชคดีจริงๆ แล้วคุณลุงก็ใจดีมากด้วย
    คุณ kaninnit : แม้จะมีเซอร์ไพรสนิดหน่อย แต่ทริปนี้ถือเป็นทริปที่ดีมากๆเลยค่ะ

    ReplyDelete

Post a Comment