11.3.2011

เวลาประมาณบ่ายสองกว่าเกือบบ่ายสาม (ถ้าจำไม่ผิด) ขณะทีี่กำลังจับจ้องเล็งกดชัตเตอร์ภาพตู้ไปรษณีย์โบราณที่หน้าร้านขายของกระจุกกระจิกแห่งหนึ่งในคะมะคุระ เพื่อนร่วมทางก็สะกิดดึงเสื้อโค้ทพร้อมกับกล่าวว่า "หมู นี่มันแผ่นดินไหวใช่ไหม?" จึงหันกลับไปมองจ้องสิ่งรอบตัว เห็นความสั่นไหวไปทั่ว ทั้งสายไฟ รถยนต์ที่จอดติดอยู่เบื้องหน้า ร้านค้าที่เรียงรายอยู่โยกไปมา ไม่กี่วินาทีต่อมากลุ่มเด็กนักเรียนมัธยมต้นที่อยู่ในตึกก็กรูออกมาหน้าร้าน ตามมาด้วยคุณครู และพนักงานในร้านที่อยู่ในตึกเดียวกันต่างออกมาอออยู่ใกล้ๆ ได้ยินเสียงคุณครูส่งเสียงกำกับว่าให้อยู่นิ่งๆ

ความที่เคยสัมผัสกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวในญี่ปุ่นมาหลายครั้งตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่โตเกียว จึงไม่ตกใจอะไรนัก ด้วยความแรง/ความสั่นไหวนั้นใกล้เคียงกับที่เคยประสบมา ทว่าความเนิ่นนานของการสั่นไหวนั้นทำให้สะกิดใจว่าไม่ใช่แผ่นดินไหวธรรมดา เพราะนานกว่าปกติที่เคยมาก สายตาก็ได้แต่จับจ้องรอบๆตัวถึงความเปลี่ยนแปลง สังเกตถนนหนทางรอบๆอย่างละเอียด ในใจก็นึกเผื่อมองหาลู่ทาง หากมีอะไรรุนแรงกว่านั้น จะได้หลบถูกทิศ สักครู่ในที่สุดการไหวครั้งแรกก็หยุดลง แต่ก็ตามด้วยครั้้งต่อๆไป จนครู่ใหญ่ที่ดูเหมือนการสั่นไหวจะสงบลง แต่ละคนจึงได้แยกย้ายกันไป

ขณะเดินขยับออกมา ผ่านร้านรวงต่างๆที่เจ้าของร้าน/พนักงานยังคงออกมายืนอยู่หน้าร้านของตน ก็จึงสังเกตว่าไฟดับทั้งหมด ด้วยความที่เป็นช่วงบ่าย ฟ้ายังสว่างแถมเป็นวันแดดออก การที่ไฟดับจึงยังไม่เดือดร้อนอะไร และเป็นการปลอดภัยกว่าที่ไฟดับทั้งหมด ระหว่างที่เดินเลาะกลับมายังแถวสถานีคะมะคุระ ก็เงี่ยหูฟังคุณลุงคุณป้าทั้งหลายที่ออกมาอยู่หน้าร้านวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์กัน แอบฟังวิทยุชาวบ้านท่านบ้าง อยากจะรู้ว่าเมื่อกี้ แผ่นดินไหวระดับเท่าไร พอจับความได้เลาๆว่ามีแผ่นดินไหวใหญ่ที่จังหวัดอื่นและมีทสึนะมิด้วย สักพักแผ่นดินไหวก็ยังคงตามมาเป็นระลอกๆ คนเริ่มออกันเต็มหน้าสถานี แน่นอนว่ารถไฟหยุดวิ่ง ซึ่งเป็นเรื่องปกติเมื่อมีแผ่นดินไหวแรงๆ จึงใจเย็น เดินเลาะชมเมืองไปเรื่อยดีกว่าเรา

ทั้งนี้ตั้งแต่นาทีแรกๆก็ได้ยินเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินวนรอบๆ พร้อมมีรถพยาบาล รถฉุกเฉินวิ่งวนรอบประกาศถามหาผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ ที่สี่แยกไฟแดงใหญ่ๆ มีจราจรอาสาสมัครยืนโบกจัดการจราจรแทนสัญญาณไฟอำนวยความสะดวกแก่รถและผู้คนที่สัญจร

เมื่อดูท่าว่าจะยังใช้เวลาอีกประมาณหนึ่ง จึงทอดน่องเดินไปชมวัดที่อยู่ใกล้ๆ ที่วัดนั้นมีลานโล่ง มีอะไรอีกก็หลบภัยได้ คอเริ่มแห้ง อยากจะทานน้ำขึ้นมา ทำให้ตระหนักในความอัตโนมัติ ตู้กดน้ำทั้งมวลนั้นใช้ไฟนี่นา เวรกรรม ไฟดับทั้งเมืองจะเหลืออะไร ร้านสะดวกซื้อทั้งหลายก็อัมพาตด้วยไร้กระแสไฟฟ้า ร้านรวงล้วนต้องปิดไปโดยอัตโนมัติพี่ขา ฮะฮ้า เมืองท่านไฮโซเสียอีก กวาดสายตาหาโชห่วยไม่เจอ

ไม่เป็นไรไม่ได้กระหายน้ำมากอะไร เดินเล่นต่อไปดีกว่า ว่าแล้วก็เลียบไปถึงร้านน่ารักที่หมายมาชม แถมมี pita น่าอร่อยอยู่ในเคส เลยซื้อมานั่งหม่ำที่ม้านั่งข้างๆร้านกลั้วกับน้ำแอปปเปิ้ล 1 ขวด อากาศเย็นได้ที่ อุณหภูมิไม่ถึง 10 ตอนนั้นน่าจะราว 6-7 องศาได้ อิ่มหนำ่จากปิตต้า เดินเรื่อยวนกลับมาสถานีอีกครั้ง ผ่านร้านโช่ห่วยคุณลุง จึงซื้อน้ำตุนไว้คนละขวด ได้ทีจึงถามคุณลุงให้ชัดๆว่าเมื่อกี้ แผ่นดินไหวเท่าไรคะ ลุงบอกว่าประมาณ 4 ล่ะอีหนู แต่ที่ฟุขุชิมะนั่น ราว 7.9* มีทสึนะมิ 10 เมตรแน่ะ ถึงว่าน้องเฮลิคอปเตอร์ขึ้นเช็คคลื่นในทันที ก็คะมะคุระเป็นเมืองชายทะเล เดินลงไปอีกนิดก็ถึงทะเลแล้วววว

ฟุขุชิมะเหรอ โอเค ห่างจากที่อยู่พอประมาณ จึงไม่ห่วงอะไรนัก เลียบกลับมารอดูว่ารถไฟกลับมาวิ่งแล้วหรือยังดีกว่า โอ้! ผู้คนหลั่งไหลกลับมาออกันที่สถานีเต็มพรืด เข้าแถวกันยาวเต็มเหยียด แต่นั่นมันแถวรถบัสนี่ เนื่องด้วยรถบัสหยุดวิ่งด้วย ชาวคะมะคุระเองก็กลับบ้านบ่ได้ มีที่นั่งพอดี ไปนั่งรอโต้ลมหนาวแล้วกัน ระหว่างนั้นมีคุณลุงคุณป้าหิ้วถุงแซนวิชและกาแฟร้อนๆมานั่งเปิปข้างๆ ยั่วใจผู้ร่วมทาง มองซ้ายแลขวาไปปะกับร้านกาแฟร้านเดียวที่คงมีไฟฟ้าเปิดให้บริการอยู่ตรงสถานี ด้วยทั้งเมืองนั้นไฟยังคงดับหมด ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว อากาศก็เย็นลงเรื่อยๆ มีแต่ตัวอาคารของสถานีเท่านั้นที่มีไฟ แม้แต่ป้อมตำรวจหน้าสถานียังมืดสนิท คุณตำรวจต้องใช้แสงสว่างจากมือถือ

จึงขยับไปต่อคิวซื้อกาแฟร้อนๆคลายหนาว ซึ่งตอนนั้นร้านกาแฟน้อยๆก็อัดแน่นไปด้วยผู้คนมากมาย ระหว่างนั้นก็ได้ยินประกาศจากเจ้าหน้าที่สถานีว่ารถไฟยังคงหยุดให้บริการอย่างไม่มีกำหนด ผู้คนเริ่มกังวลเพราะฟ้ามืดมิดแล้ว ดูท่าจะกลับบ้านมิได้แน่ๆ การกดมือถือกันพัลวันจึงหนักขึ้น ข้อมูลเกียวกับความรุนแรงของเหตุการณ์ของเมื่อบ่ายเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ด้วยทางสถานีรถไฟเปิดเสียงวิทยุจาก nhk ให้ฟังความเป็นไปและความคืบหน้า โอ้!เหตุการณ์ใหญ่ขนาดนี้ ข่าวคงไปทั่วโลก ทำให้เกรงว่าพ่อแม่คงเป็นห่วงเราอย่างมาก

สารพัดคิวหน้าสถานีก็หางยาวจนไม่รู้คิวไหนเป็นคิวไหน มีตั้งแต่คิวรถบัสที่ก่อตัวแต่แรก ถัดมาก็เป็นคิวโทรศัพท์สาธารณะที่ใช้การได้ดีกว่ามือถือ คิวห้องน้ำก็ยาวเป็นหางว่าว ถัดไปก็เป็นคิวปากท้อง คิวของร้านสะดวกซื้อแห่งเดียวของเมืองที่อยู่ในอาคารสถานีจึงมีไฟ เปิดให้บริการอยู่ แต่ทุกคนก็พร้อมใจกันรอคิวอย่างสงบ โดยมียามจัดคิวอยู่ด้านหน้าร้าน ปล่อยคนเข้าไปในร้านทีละน้อย พอให้ซื้อของได้อย่างสบาย คนที่ซื้อเสร็จก็รีบออกมาให้คนถัดๆไปเข้าไปซื้อบ้าง ไม่มีแย่งกัน

ข้างหมูใคร่รู้ก็พยายามส่งข้อมูลก็เดี้ยง โทร.มือถือก็ไม่ได้ เพราะทุกคนต่างกระหน่ำโทร.จนการสื่อสารติดขัด ภายในประเทศคนญี่ปุ่นเองยังโทร.กันไม่ได้ แต่เมล์ของมือถือและทวิตเตอร์นั้นสามารถใช้การได้ จึงหันไปลองต่อคิวโทรศัพท์สาธารณะที่ยาวเหยียดดู รอไปก็ขยับแข้งขยับขาไปเรื่อยแก้หนาว ในที่สุดก็ถืงคิว โอ้แม่เจ้า! ดีที่มีบัตรโทรศัพท์พรีเพดติดตัว ไม่ต้องพึ่งเศษเหรียญใดๆ กดรหัสไปเดี๋ยวเดียวก็ได้ยินเสียงน้องสาว รีบลำลักส่งเสียงบอกว่าปลอดภัยสบายดี ไม่ต้องห่วง ที่คะมะคุระไหวนิดเดียว ไม่มีทสึนะมิ ฝ่ายฝั่งที่เมืองไทยที่บ้านทุกคนเห็นภาพข่าวจากโทรทัศน์ เห็นเหตุการณ์จะๆ ในขณะที่หมูใคร่รู้ทราบเรื่องราวเพียงจากวิทยุและคำบอกเล่าเท่านั้น คนทั้งเมืองก็เช่นกันเพราะไฟดับหมดยังไม่มีใครได้เห็นภาพจากโทรทัศน์

ระหว่างที่พูดโทรศัพท์อยู่ ไฟก็มา โอกาสที่รถไฟจะกลับมาวิ่งก็น่าจะเร็วขึ้น กลับมานั่งพักในสถานี รอว่ารถไฟจะวิ่งอีกเมื่อไร อีกสักครู่เจ้าหน้าทีีสถานีก็ประกาศว่าวันนี้รถไฟจะไม่กลับมาวิ่งอีกแน่นอน ฮะฮ้า โอเคค่ะ รับทราบ งั้นไปต่อคิวทานโซบะให้อิ่มท้องก่อนแล้วกัน โชคดีที่ร้านโซบะในสถานียังเปิดอยู่และยังไม่มีทีท่าที่จะหมดสต็ิอค แต่ก็เฉียดฉิวเล็กๆ หลังจากที่ได้ทาน คิวหลังๆก็อดโซบะ แต่ยังมีเมนูข้าวรองรับเพียงพอแก่ทุกคน ตอนแรกกะจะค้างที่สถานีเลยเชียว ลืมไปว่าสถานีไม่ได้เปิด 24 ชั่วโมง แล้วตอนที่คอยคิวโทรศัพท์สาธารณะอยู่ ได้ยินคนญี่ปุ่นเข้าไปสอบถามคุณตำรวจที่ป้อมว่าจะหาที่พักได้ที่ไหน มีโรงแรมตรงไหนบ้าง คุณพี่ตำรวจก็ตอบว่า โอ๊ย โรงแรมหาไม่ได้แล้วล่ะ ไปที่พักฉุกเฉินเลยดีกว่า พร้อมอธิบายทางไป ตรงไป เลี้ยวขวาเลี้ยวซ้าย เจอร้านกาแฟ เข้าตรงโน้นนี้ เผอิญโชคดีที่ว่าหมูใคร่รู้เคยมาเยือนคะมะคุระอยู่หลายรอบ จำแผนที่หนทางเมืองได้ประมาณหนึ่ง แถมสถานที่พักฉุกเฉินที่เป็นโรงเรียนประถมดังกล่าว ก็เพิ่งเดินผ่านมาเมื่อกี้ช่วงที่เดินเล่น ฉะนั้นเมื่อรถไฟวันนั้นไม่วิ่งแน่ ท้องก็อิ่มแล้ว ก็ได้เวลาเดินไปสถานที่พักฉุกเฉินกันล่ะ

つづく

*เป็นข้อมูลณ.นาทีแรกๆจึงยังไม่ถูกต้อง

Comments

  1. ติดตามตอนต่อไปนะคะ
    ดีจังนะคะ ที่คุณหมูปลอดภัย /\

    ReplyDelete
  2. รอ ร๊อ รอ ตอนต่อไป ป้าหมู ด่วนเลย

    ReplyDelete
  3. คุณ isolate : ขอบคุณมากค่ะ ^_^
    คุณ eggolicious : ตอนต่อไปกำลังเดินไปอยู่เจ้าค่ะ รอจิ๊ดนึง

    ReplyDelete
  4. ตามมาเกาะติดสถานการณ์จ้า

    ReplyDelete
  5. รอตอนต่อไปด้วยใจระทึก -。-;

    ReplyDelete
  6. รอๆๆ ตอนต่อไปค่ะ

    ReplyDelete
  7. เช้านี้เห็นบทความใหม่ลงวันที่ 16 มีนาคม แล้วโล่งใจ ดีใจที่คุณหมูปลอดภัยค่ะ ถ้าตอนนี้ยังอยู่ที่ญี่ปุ่นก็ดูแลตัวเองมากหน่อยนะคะ

    ReplyDelete
  8. รออ่านตอนต่อไปครับ ดีจริงที่ยังปลอดภัยดี :)

    ReplyDelete
  9. พี่อ๊อดแอ๊ดMarch 17, 2011 at 8:12 PM

    good to know, U're safe na ka.
    อยากอ่านต่อน้ะก้ะ

    ReplyDelete
  10. ดีใจที่รู้ว่าคุณหมูปลอดภัยดีค่ะ
    รอติดตามนะคะ

    ReplyDelete
  11. ขอบคุณทุกๆท่านอย่างมากในความห่วงใยค่ะ

    ReplyDelete

Post a Comment