ランドセルしょって



หนังสือเล่มใหม่ของ k.m.p. เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความสุข ความสนุกในวัยประถม
ผ่าน อุเมะจัง ที่เสมือนเป็นตัวแทนของทุกคน ประทับภาพเรื่องราว และมุขต่างๆ
ที่ล้วนสร้างรอยยิ้มให้หวนคิดถึงวัยเด็กของตน
เต็มไปมุข มุมภาพ และมุมมอง ที่หยิกแก้มยึดยิงฟัน ขบขัน
แล้วร้องในใจว่า ใช่ๆ


หน้าขวา - "พุดดิ้ง" ได้หรือยังน้า?

หนังสือน่ารัก แต่ก็ต้องแอบอึ้งเล็กๆ
เมื่อเปิดไปที่ หน้าแนะนำหนังสือเล่มนี้ ที่เว็บไซต์ของ k.m.p.
โอ้...มาอีกแล้ว...handmade เจ้าคะ
ร่าง วาด ตัด แปะ


หน้าซ้าย - ไปโรงเรียน ไม่ได้!

ส่วนชื่อหนังสือคำว่า ランドセル คือ กระเป๋าเป้หนังใบใหญ่แสนหนักอึ้ง
สัญลักษณ์คู่กับชีวิตวัยประถมของเด็กญี่ปุ่น
มาจากภาษาดัชท์ว่า ransel ที่แปลว่ากระเป๋าเป้นั่นเอง
(คุณพี่ญี่ปุ่นแกชอบยืมภาษาต่างชาติมาทับศัพท์ดะ ยืมไปทั่ว ไม่แค่อังกฤษ เยอรมันแกก็ยืมมาแยะ)
ดั้งเดิม ransel เป็นเป้ทหารยุโรป
ในสมัยเมจิที่ 18 หรือค.ศ.1885 Gakushuin (เป็นโรงเรียนที่ตั้งขึ้นมาเพื่อการศึกษาแก่ราชนิกูล)
ได้มีการห้ามมิให้นักเรียนนั่งรถม้าหรือรถคนลาก ไปโรงเรียน
จึงเริ่มใช้กระเป๋าเป้เพื่อใส่หนังสือเรียนและกล่องอาหาร
ต่อมาในปี ค.ศ.1887 นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้ถวายกระเป๋า ransel ที่ทำจากหนัง รูปทรงกล่อง
แด่จักรพรรดิไทโชซึ่งในขณะนั้นยังทรงเป็นมกุฏราชกุมารเมื่อเข้าเรียนชั้นประถมที่ Gakushuin
อันเป็นต้นแบบของ ransel ต่อๆมา และใช้กันแพร่สำหรับโรงเรียนประถมในยุค 1950 เป็นต้นมา

กระเป๋า ransel นิยมทำจากหนังวัวแท้ และมีราคาค่อนข้างสูงมาก (ปัจจุบันเฉลี่ยราว 35,000 เยน)
แม้เดี๋ยวนี้จะมีที่ทำจากหนังเทียมด้วย แต่ก็ยังไม่ถูกนัก
ด้วยความคงทน แข็งแรง จึงสามารถใช้ได้ตลอด 6 ปีของชั้นประถม
สีที่นิยม คือ สีแดงสำหรับเด็กผู้หญิง สีดำสำหรับเด็กผู้ชาย
หลังๆมีสีและดีไซน์ให้เลือกหลากหลาย อย่างสีชมพูหวานแหววก็มี
เป็นของขวัญที่คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยายนิยมมอบแก่หลาน เมื่อถึงวัยเข้าเรียน

Comments

  1. หนังสือน่าอ่านดีค่ะ
    เรื่องกระเป๋าเป้ น่าจะเป็นสิ่งที่คู่กับเด็กๆญี่ปุ่นจริงๆ
    เพราะว่าพอพูดถึงก็นึกภาพออกเลย

    ReplyDelete
  2. ไม่เกี่ยวกะเรื่องหนังสือหรอกครับ เพราะอ่านม่ายออก รอแปลไทยก่อน

    แต่จะแจ้งว่า ไปหม่ำไอติมมาแร้ว Dolce Dekopon กะ Mario Gelateria Blue Salt กะ Sicilian Salt (และวนิลา อิอิ)

    อร่อยสุดยอด

    หน้าร้อน กะไอติม สุขสุดๆ :)
    ขอบคุณอีกครั้งสำหรับข้อมูลนะครับ

    ReplyDelete
  3. หน้าหนาวกับไอติมยิ่งอร่อยกว่าหน้าร้อนนะคะ
    ขอบคุณสำหรับรายงานเช่นกันคะ

    ReplyDelete

Post a Comment